โครงสร้างภายนอกของใบ
ใบมะละกอ จัดได้ว่าเป็นใบที่ค่อนข้างจะสมบูรณ์ มีส่วนประกอบที่สำคัญ ได้แก่
1.ตัวใบ หรือ แผ่นใบ (Lamina หรือ Blade)
มีลักษณะเป็นแผ่นแบน และบาง ทำให้เซล์ที่มีคลอโรฟิลล์รับแสงให้ได้มากที่สุด ปลายสุดของตัวใบ เรียกว่า ยอดใบ (Apex) ลักษณะเรียว แหลม และมีหลายแฉก หรือมีรูปร่างใบแบบนิ้วมือ (Digitate) ด้านตรงข้ามกับยอดใบ จะเป็นส่วนโคนของตัวใบ เรียกว่า ฐานใบ (Base) ภายในตัวใบจะเห็นเส้นนูนเป็นสันขึ้นมา เส้นที่อยู่ตรงกลางแผ่นใบ เรียกว่า เส้นกลางใบ (Midrib) ทำให้ใบเกิดการแบ่งเป็นซีกซ้ายและขวา จากเส้นกลางใบมีเส้นย่อยที่แตกออกมา เรียกเส้นเหล่านั้นว่า เส้นใบ (Vein)มีการจัดเรียงตัวของเส้นใบ แบบตาข่ายหรือร่างแห (Netted venation) คือ เส้นใบย่อยที่แตกแขนงออกมามีลักษณะที่เล็กลงเรื่อยๆและสานตัวกันเป็นร่างแห
2. ก้านใบ (Petiole หรือ Stalk)
ก้านใบเป็นส่วนที่เชื่อมระหว่างใบกับลำต้น หรือกิ่ง ในมะละกอและพืชใบเลี้ยงคู่มีก้าบใบที่มีลักษณะค่อนข้างกลม ในก้าบใบมีท่อลำเลียงทั้งไซเลมและโฟลเอ็ม เชื่อมระหว่างใบกับลำต้นนอกจากนี้ ยังพบว่า ใบมะละกอมีการจัดเรียงตัวของใบในบริเวณตำแหน่งของลำต้น เป็นแบบสลับกันไปมา (Alternative) และใบมะละกอยังจัดว่าเป็นใบแบบเดี่ยว (Simplm Leaf) อีกด้วย
โครงสร้างภายในของใบ
เมื่อนำใบมะละกอมาตัดตามขวาง แล้วส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์ พบว่าโครงสร้างภายในของใบประกอบด้วยชั้นต่างๆ ดังต่อไปนี้1.ชั้นเอพิเดอร์มิส (Epidermis)
เป็นลักษณะเหมือนเยื่อหุ้มใบที่อยู่ด้านนอกสุด มีทั้งด้านบน (Upper epidermis) และด้านล่าง (Lower epidermis) ประกอบด้วยเซลล์เพียงหนึ่งแถว และเป็นเซลล์ที่ไม่มีคลอโรพลาสต์ จึงทำให้เอพิเดอร์มิสทั้งบนและล่างไม่มีสีเขียว และมีสารคิวทินเคลือบทางด้านนอกใบอีกทีหนึ่ง เพื่อป้องกันการระเหยของนํ้าออกจากใบ เอพิเดอร์มิสบางเซลล์มีการเปลี่ยนแปลงตัวเองไปเป็นเซลล์คุม (Guard cell) อยู่ด้วยกันเป็นคู่ๆ รูปร่างคล้ายเมล็ดถั่ว หรือไต เซลล์คุม 2 เซลล์จะหันหน้าด้านเว้าเข้าหากัน ทำให้เกิดช่องว่าง เรียกว่า ปากใบ หรือ รูใบ (Stomata) เซลล์คุมเป็นเซลล์ที่มีเม็ดสีคลอโรพลาสต์อยู่ภายใน ในขณะที่เอพิเดอร์มิสอื่นๆไม่มีคลอโรพลาสต์นอกจากนี้ ยังสังเกตได้ว่า ชั้นเอพิเดอร์มิสด้านล่าง (Lower epidermis) จะมีปากใบมากกว่าชั้นเอพิเดอร์มิสด้านบน (Upper epidermis) ด้วย
2.ชั้นมีโซฟิลล์ (Mesophyll)
อาจเรียกว่าเป็นชั้นของเนื้อใบ หรือชั้นที่อยู่ระหว่างเอพิเดอร์มิสชั้นบนกับชั้นล่าง เนื้อเยื่อส่วนใหญ่เป็นประเภทพาเรงคิมาที่มีคลอโรฟิลล์อยู่ด้วย เรียกว่า คลอเรงคิมา (Chlorenchyma = Chloroplast + Parenchyma) มีโซฟิลล์ สามารถแบ่งเป็น 2 ชั้น คือ2.1 พาลิเซด มีโซฟิลล์ (Palisade Mesophyll)
เป็นชั้นที่อยู่ใต้เอพิเดอร์มิสด้านบนลงมา ประกอบด้วยเซลล์ที่มีลักษณะยาวและแคบ เรียงตัวตั้งฉากกับเอพิเดอร์มิสด้านบน เซลล์เรียงตัวกันเป็นแถวแน่น มีคลอโรพลาสต์เป็นส่วนประกอบภายในอย่างหนาแน่น จึงมองดูเป็นสีเขียวเข้ม
2.2 สปองจี มีโซฟิลล์ (Spongy Mesophyll)
เป็นชั้นที่อยู่ถัดจากพาลิเซดลงมาและอยู่เหนือเอพิเดอร์มิสทางด้านล่างขึ้นมา มีลักษณะการเรียงตัวของเซลล์อย่างหละหลวม ไม่เป็นระเบียบ รูปร่างเซลล์ค่อนข้างที่จะกลม และมีช่องว่างระหว่างเซลล์เหล่านี้มาก ผิวของเซลล์จึงมีโอกาสสัมผัสกับอากาศได้มาก ทำให้อากาศเกิดการแพร่เข้าออกได้อย่างสะดวก แต่ในเซลล์มีปริมาณคลอโรพลาสต์น้อยกว่าเซลล์พาลิเซด จึงทำให้ด้านล่างหรือท้องใบ มีสีเขียวที่น้อยกว่า(จางกว่า)ด้านหลังหรือบนใบ
3.มัดท่อลำเลียง (Vascular bundle)
มักฝังตัวอยู่ตามเส้นใบขนาดต่างๆ ที่อยู่ภายในใบ ประกอบไปด้วยไซเลม และ โฟลเอ็ม มาเรียงต่อกันเป็นเส้นใบ โดยที่ไซเลม (Xylem) จะอยู่ทางด้านบน และโฟลเอ็ม (Phloem) จะอยู่ทางด้านล่างมัดท่อลำเลียงจะมีกลุ่มเซลล์ที่เรียกว่า บันเดิลชีส (Bundle sheath) ล้อมรอบ ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับท่อลำเลียง ส่วนใหญ่มัดท่อลำเลียง จะอยู่ในชั้นสปองจี มีโซฟิลล์ จึงเห็นเป็นเส้นนูนออกมาทางท้องใบ
(กดที่ภาพ เพื่อดูภาพขนาดที่ใหญ่กว่า)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น